น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ 13 ตุลาคม 2564
ตลอดระยะเวลากว่า 70 ปี ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์ได้ทรงงานและบำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการเพื่อประโยชน์สุขแห่งปวงพสกนิกร รวมทั้งทรงก่อตั้งโครงการในพระราชดำริน้อยใหญ่ ก่อให้เกิดประโยชน์อย่างอเนกอนันต์แก่ประเทศชาติ ทั้งยังได้พระราชทานหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อเป็นแนวทางให้อาณาประชาราษฎร์ ได้ดำเนินชีวิตโดยใช้ความรู้และสติปัญญาเป็นภูมิคุ้มกัน อันจะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนได้อย่างแท้จริง
ร่วมน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ด้วยการร่วมเผยแพร่โครงการในพระราชดำริที่ก่อให้เกิดความสุขอย่างยั่งยืนแก่ประชาชนชาวไทย ผ่าน 5 โครงการสำคัญ ดังนี้
- โครงการแก้มลิง
- โครงการกังหันน้ำชัยพัฒนา
- โครงการฝนหลวง
- โครงการหลวงดอยคำ
- โครงการฟาร์มโคนม ไทย - เดนมาร์ค
ตามรอยพระราชา : ปฐมบทโครงการพระราชทาน
สารคดี My King ในหลวงของเรา
โครงการแก้มลิง
โครงการแก้มลิง โครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ที่ทรงมีพระราชดำริไว้แก้ปัญหาอุทกภัยในประเทศไทย และยังคงใช้เป็นแนวทางการแก้ปัญหาน้ำท่วมจวบจนปัจจุบัน
ปัญหาน้ำท่วมในประเทศไทยเป็นปัญหาที่เรื้อรังมายาวนาน และตั้งแต่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมครั้งใหญ่ในเขตกรุงเทพมหานครและเขตปริมณฑลยาวนานกว่า 2 เดือน เมื่อปี พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 จึงมีพระราชดำริจัดทำโครงการแก้มลิง เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาอุทกภัย โดยอิงจากหลักการกินกล้วยของฝูงลิง
โครงการแก้มลิง กับความเป็นมา
สืบเนื่องจากปัญหาอุทกภัยครั้งใหญ่เมื่อปี พ.ศ. 2538 และพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชทอดพระเนตรเห็นว่า ปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้นนั้นเรื้อรังกว่า 2 เดือน ในวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2538 จึงมีพระราชดำริโครงการแก้มลิงขึ้นครั้งแรก เพื่อแก้ปัญหาอุทกภัย พร้อมทั้งช่วยอนุรักษ์น้ำและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
โครงการแก้มลิง พระราชดำริจากพฤติกรรมลิง
แนวคิดโครงการแก้มลิงเกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 มีพระราชดำรัสถึงลิงที่อมกล้วยไว้ในกระพุ้งแก้มได้คราวละมาก ๆ โดยมีพระราชกระแสอธิบายว่า
"ลิงโดยทั่วไปถ้าเราส่งกล้วยให้ ลิงจะรีบปอกเปลือก เอาเข้าปากเคี้ยว แล้วนำไปเก็บไว้ที่แก้มก่อน ลิงจะทำอย่างนี้จนกล้วยหมดหวีหรือเต็มกระพุ้งแก้ม จากนั้นจะค่อย ๆ นำออกมาเคี้ยวและกลืนกินภายหลัง"
ภาพจาก เรารักพระเจ้าอยู่หัว